ติดโซลาร์เซลล์ราคาพิเศษ ลดสูงสุด 25%


เทรนด์การสร้างบ้าน 2018

7 เทรนด์การสร้างบ้านที่กำลังมาแรงในปี 2018 จะเน้นเรื่องความปลอดภัย การจัดสรรพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และบ้านสำหรับคนโสดที่ปัจจุบันมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง 7 เทรนด์ที่กำลังมาแรงจะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่าาาา #RoyalHouse #รอแยลเฮ้าส์ #สร้างบ้านด้วยสมอง #รับสร้างบ้านบนที่ดินของท่าน #RHupdate #www.royalhouse.co.th

1. Smart Home Smart Office

ความเป็น Entrepreneurship ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นจำนวนมากขึ้นๆ และคาดว่าจะมากขึ้นต่อไปเรื่อย เมื่อโลกปี 2017 เรียกได้ว่าเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์อย่างแท้จริง ดังนั้นการปลูกสร้างบ้านแบบโฮมออฟฟิศเก๋ๆ จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จุดเด่นของโฮมออฟฟิศยุคใหม่ คือ มีส่วนโปร่งโล่ง ที่นั่งสบายๆ ไว้จิบกาแฟยามบ่าย ห้องสันทนาการกับเพื่อนที่ทำงาน ห้องสังสรรค์เมือตกเย็น สระว่ายน้ำสวยๆ ส่วนเจ้าของโฮมออฟฟิศนี้ก็อาจจะสร้างห้องนอนไว้อยู่ข้างบนแต่มีการแบ่งสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน

2. Solitude 

ปัจจุบันที่ประเทศไทยมีประชากรโสดกว่า 40% หรือประมาณ 17 ล้านคน “ผู้หญิงตัวคนเดียว” และประชากรโสด จะมีเพิ่มมากขึ้น เทรนด์การสร้างบ้านในอนาคตจึงมีความเป็นไปได้ที่จะจับตลาดกลุ่มนี้เป็นหลัก คือ เป็นบ้านขนาดย่อม ในราคาคุ้มค่า มีฟังชันการทำงานครบถ้วน รองรับความต้องการของคนยุคใหม่ที่ชื่นชอบกิจกรรมต่าง ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ มีความเป็นส่วนตัว และมีระบบความปลอดภัยที่ดี

3. Safe & Secure ความปลอดภัย

สองปัจจัยหลักที่ทำเทรนด์เรื่องความปลอดภัยน่าจับตามอง ก็คือ การเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ (ในปี 2558 ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไปมีจำนวนกว่าร้อยละ 10 หรือมากกว่า 7 ล้านคน และมีการคาดการณ์ว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นถึง 17 ล้านคน ภายในปี 2583 ซึ่งมากกว่า 1 ใน 4 ของประชากรไทย) และความใส่ใจเรื่องสุขภาพของคนรุ่นใหม่ โดยเทรนด์การสร้างบ้านในอนาคตนั้นจะเน้นความปลอดภัยทั้งในขั้นตอนการก่อสร้างการเลือกสรรวัสดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไปจนถึงการอยู่อาศัยที่การออกแบบจะพิจารณาถึงความปลอดภัยในการใช้งานจริง ไปจนถึงการสร้างบ้านให้รองรับบริการสุขภาพในอนาคต เช่นมีระบบเซนเซอร์ป้องกันการล้ม การออกแบบพื้นป้องกันการลื่นและรองรับการทำงานร่วมกับบริการทางการแพทย์ เป็นต้น

4. Strong Funding

แบบบ้านนี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับบุคคลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่บุคคลในครอบครัว เช่น ครอบครัวเศรษฐีบางท่านปลูกบ้านพักแขกไว้อีก 1-2 หลัง หรือปลูกบ้านพักของเหล่าบรรดาแม่บ้าน คนขับรถ ไว้ในบริเวณบ้านพักอาศัยของเขาเพียงเพื่อต้องการดูแลพวกเขาเหล่านี้เสมือนหนึ่งคนในครอบครัว เศรษฐีเหล่านี้ทราบดีว่าการลงทุนสร้างอสังหาริมทรัพย์แบบนี้นอกจากครอบครัวของเขาจะได้ใช้ระหว่างที่อยู่ในบ้านหลังนี้ เขายังสามารถหาทางขายต่อได้ในราคาที่สูงกว่าเมื่อเวลาผ่านไปถ้าบ้านของเขายังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

5. Soaring สูงขึ้น

จากสถิติจะเห็นได้ว่าความหนาแน่นของพื้นที่ในการสร้างที่อยู่อาศัยลดลงจากสมัยก่อน ผู้คนมีที่ดินจำนวนมาก สร้างบ้านเพียง 1-2 ชั้น เมื่อลูกแต่งงานก็แบ่งพื้นที่ให้ปลูกบ้านขนาด 1-2 ชั้นนั้น เปลี่ยนเป็นการสร้างบ้านหลาย ๆ ชั้นที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย มีพื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน และสามารถอยู่อาศัยหลายครอบครัว

6. Space Solutions

เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่ที่บ้านที่เล็กลงแต่ใช้ประโยชน์หลากหลายขึ้น ทำให้คนเริ่มเห็นความสำคัญในการจัดสรรพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานั้นมีเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับขนาดหรือรูปแบบให้เหมาะกับการใช้งาน ในอนาคตอันใกล้บ้านเองก็จะปรับตัวในทิศทางเดียวกันคือ เจ้าของบ้านสามารถปรับและจัดสรรการใช้พื้นที่ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานในแต่ละครั้ง

7. Semi-Party Semi-Living

บ้านลักษณะนี้เหมาะกับบุคคล Gen Y ที่ชอบการสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงเป็นชีวิตจิตใจ แต่เมื่อวันนึงเริ่มเบื่อกับการไปปาร์ตี้นอกสถานที่หรือเริ่มนับหนึ่งกับชีวิตคู่ คนกลุ่มนี้ก็เริ่มจะมองหาบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองซึ่งก็คือบ้านปาร์ตี้ ลักษณะของบ้านประเภทนี้ คือ ต้องโปร่งโล่งมีพื้นที่เฉลียงใหญ่ๆ มีสระว่ายน้ำ มีบาร์แอลกอฮอล์ มีเกมส์ให้เล่น ทีวีจอใหญ่ๆ อุปกรณ์ทุกชนิดที่คิดว่าเมื่อชวนเพื่อนๆ มาที่บ้านแล้วต้องไม่ให้เพื่อนๆ เหงา ลักษณะคล้ายๆ กับ pool villa ที่เราไปพักตามเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา หัวหิน ภูเก็ต เป็นต้น